“ปลวก” ที่เราพบกันนั้นมีอยู่หลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะ ลักษณะการทำรัง ลักษณะการทำลายบ้าน ฯลฯ แน่นอนว่ามีแตกต่างออกไป และในวันนี้เราจะพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักกับสายพันธุ์ของปลวกที่มีด้วยกัน 6 สายพันธุ์ สร้างความเข้าใจ ช่วยให้กำจัดได้ไม่ยาก
สำหรับท่านใดที่สนใจบริการกำจัดปลวก ปรึกษาติดต่อ ดร.ปลวกก
ปลวก 6 สายพันธุ์ที่ควรทำความรู้จัก
1. Microcerotermes
สายพันธุ์แรก อย่าง Microcerotermes จะมีปลวกทหารผู้ทำหน้าที่ป้องกันรังลักษณะเขี้ยวกรามยาวเหมือนเขากวาง การทำรังของสายพันธุ์นี้จะเป็นไปตามต้นไม้หรือโครงสร้างต่าง ๆ ตามอาคารบ้าน ออฟฟิศ ซึ่งขนาดของรังจะเล็ก รูปทรงกรวยหรือกลม (แล้วแต่อารมณ์ตอนทำรังสินะ) แหล่งที่พบบ่อยจะตามชนบท โดยที่ลักษณะการทำลายล้างจะกัดกินไปตามแนวยาวของไม้เรื่อย ๆ
2. Coptotermes gestroi
ต่อมาเป็นสายพันธุ์ Coptotermes gestroi โดยปลวกทหารของสายพันธุ์นี้จะมีลักษณะกรามเรียวยาว ไขว้ และพอดีตัว ซึ่งการทำรังจะอยู่ใต้ดิน หรือตามไม้ค้ำยัน ไม้ที่ใช้อยู่ภายในอาคาร ลักษณะการทำลายล้างจะเป็นรูปแบบฟองน้ำ ถือเป็ฯปลวกที่น่ากังวลเนื่องจากสร้างความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้าง บ้านเรือนต่อปีเฉลี่ยมูลค่าถึง 280 ล้านบาท
3. Macrotermes
สำหรับปลวกสายพันธุ์นี้จะมีปลวกทหารที่ส่วนหัวจะใหญ่กว่าส่วนตัวมาก และสีตัวจะออกน้ำตาล ๆ การทำรังจะอยู่บนพื้นดิน ขนาดใหญ่ไม่เกรงใจคนเลยทีเดียว โดยลักษณะการทำลายก่อนกัดกินเนื้อไม้จะมีการนำดินมาเคลือบผิวไม้ไว้ แหม ๆ จะกัดกินแล้วยังเรื่องมากไปอีก
4. Odontotermes
มาต่อกันที่สายพันธุ์ของปลวกลำดับที่ 4 จะมีปลวกทหารที่กรามมีขนาดเล็กกว่าตัว คล้ายเขากวาง ลักษณะการทำรังจะอยู่ใต้พื้นดินรูปแบบจอมปลวกมหึมา ในส่วนของการทำลายล้างจะมีการนำดินมาเคลือบผิวไม้เหมือนกับสายพันธุ์ Macrotermes จากนั้นจึงค่อยกัดกินสบายอุรา
5. Cryptotermes thailandis
สายพันธุ์ที่ 5 อย่าง Cryptotermes thailandis จะมีปลวกทหารที่ส่วนหัวจะออกสีน้ำตาลเข้ม โดยการทำรังจะอยู่ตามบิวท์อินหรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ภายในบ้าน ลักษณะการทำลายล้างสังเกตเลยว่าที่บิวท์อินหรือเฟอร์นิเจอร์จะมีเศษผง ๆ เม็ด ๆ ออกมาตามแนวยาว
6. Globitermes
ปิดท้ายกันด้วยสายพันธุ์ของปลวก Globitermes ซึ่งจะมีปลวกทหารที่บริเวณกรามโค้งงอ ยาวออกมา การทำรังมีขนาดใหญ่ เป็นจอมปลวกนูนขึ้นมาเห็นได้ชัด การทำลายจะจัดกินไปตามแนวขวางของไม้
ทั้งนี้ อยากแนะนำให้ทุก ๆ คนเคลื่อนย้ายสิ่งของต่าง ๆ ภายในบ้านอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี รวมถึงวัสดุที่มีเซลลูโลสควรมีการเก็บรักษาในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก